Trending News

Subscribe Now

กรณีศึกษา MUJI กับการใช้ Data ทำการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย

กรณีศึกษา MUJI กับการใช้ Data ทำการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย

Article | Business

ช่วงนี้หลายคนพูดถึงการใช้ข้อมูล ใช้ดาต้าอย่างหลากหลาย เรียกได้ว่าถ้าองค์กรไหนยังไม่เริ่มก็อาจจะช้าไปเสียแล้ว เอาเข้าจริง ๆ ดาต้าเป็นสิ่งที่หลายองค์กรมีอยู่ในมือตลอดเวลา เพียงแต่จะมีการจัดการ การเก็บ และการนำไปใช้ได้อย่างไร เพื่อมาต่อยอดทางธุรกิจ นี่คือหัวใจสำคัญ

มูจิ (MUJI) ร้านขายสินค้าสัญชาติญี่ปุ่นที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 1980 เติบโตด้วยแนวคิดธุรกิจที่คำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญ ประกอบกับดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่มากด้วยประสบการณ์การใช้งานที่ประทับใจลูกค้าทั่วโลก ทำให้ปัจจุบันมูจิมีสาขามากกว่า 975 สาขาทั่วโลกและมีสินค้ามากกว่า 7,000 รายการ ตั้งแต่เสื้อผ้า ของใช้ภายในบ้าน รวมไปถึงอาหารด้วย แน่นอนว่าร้านค้าอย่างมูจิต้องมีการใช้ข้อมูลมาต่อยอดกับธุรกิจ 

จากกรณีของ Tresuredata บริษัทที่ทำงานด้านดาต้าให้กับมูจิบอกว่า พวกเขาได้รับโจทย์จากทางมูจิให้ใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มยอดขายสินค้า และเพิ่มจำนวนคนเดินเข้าร้าน ทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์นั้นรวมกันเป็นหนึ่งเดียว สามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าทุกคนเพื่อสร้างโปรโมชั่นที่ถูกใจลูกค้าเฉพาะคนให้ได้

ทางทีมงานพบว่าลูกค้าจำนวนมากของมูจินิยมค้นหาสินค้าของมูจิผ่านทางออนไลน์และเดินเข้ามาซื้อที่ร้าน ดังนั้นพวกเขาจึงทำ Customer data platform (CDP) เพื่อเก็บข้อมูลเหล่านั้น นำข้อมูลการเข้าดูสินค้าทางออนไลน์ มาผนวกรวมกับข้อมูลการซื้อสินค้าที่หน้าร้าน เพื่อทำให้รู้จักลูกค้าได้แบบรายบุคคล รู้ว่าคนไหนชอบอะไร ซื้ออะไร สนใจอะไร จากนั้นจึงสามารถยิงข้อมูลโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้ ในช่วงเวลาที่ถูกต้องด้วย

จากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ทำให้มูจิสามารถเพิ่มรายได้การขายภายในร้านได้มากถึง 46% และมีการใช้คูปองเพิ่มขึ้นถึง 100% ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ผลประโยชน์เกิดขึ้นกับทั้งลูกค้าของมูจิและตัวมูจิเอง

บริษัท WingArc เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีการให้บริการเรื่องข้อมูลกับมูจิในออสเตเรียมองว่า สิ่งสำคัญคือการเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า ทั้งนี้เมื่อเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าแล้ว มูจิก็จะสามารถวางแผนการตลาดได้อย่างเหมาะสม

แต่ลักษณะการเก็บข้อมูลของมูจิในรอบนี้เป็นเรื่องของการเก็บข้อมูลการเดิน หรือที่เรียกว่า foot traffic โดยใช้กล้องที่ติดอยู่ทั้งในและนอกร้านค้าของมูจิเอง ระบบจะสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าที่เดินผ่านหน้าร้าน เปรียบเทียบกับลูกค้าที่เดินเข้าร้านเพื่อค้นหาโอกาสในการเพิ่มจำนวนผู้เข้าร้าน โดยทุกวันที่มีการเก็บข้อมูลระบบจะทำการส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยังหน้าจอ dashboard

นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับมูจิคือการมีพนักงานให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า การเก็บข้อมูลการเดินภายในร้านทุกวันทำให้มูจิสามารถคาดการณ์จำนวนลูกค้าในแต่ละช่วงเวลาได้ เพราะถ้าพนักงานมีจำนวนมากพอ คิวต่อแถวที่ยาวอาจจะกลายเป็นสั้นได้ ความรวดเร็วจะลดความเสี่ยงที่ลูกค้าจะหนีออกจากร้านก่อนจ่ายเงิน

วิธีนี้เป็นแนวทางเดียวกันกับพิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศหลาย ๆ ที่ เช่น พิพิธภัณฑ์ของสิงคโปร์ที่จับการเดิน การหยุด ของผู้เยี่ยมชม เพื่อออกแบบการเดินดูนิทรรศการให้เหมาะสมและสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น

แม้ว่ามูจิจะเป็นบริษัทระดับโลก แต่ก็ใช่ว่าบริษัทในประเทศไทยอย่างเรา ๆ จะมองว่าเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นเรื่องไกลตัว เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในราคาไม่แพงมากและไม่ยากอย่างที่คิด ถึงเวลาแล้วที่ผู้ประกอบการไทยควรจะคิดถึงเรื่องการเก็บข้อมูลในหลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้เพื่อต่อยอดธุรกิจของเขาให้ล้ำหน้าและสามารถต่อสู้กับผู้แข่งได้ ก่อนที่จะสายเกินไป

เรื่อง : สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม

ฟังพอดแคสต์ได้ทาง

Spotify
SoundCloud
Podbean
Apple Podcast

บทความอื่นที่คุณอาจสนใจ

Related Articles

10 วิธีการปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจเพื่อความอยู่รอด ด้วยการทำ “Pivot” ตามแนวคิด Lean Startup

ในตอนนี้ที่ทุกคนกำลังสู้เพื่อให้ธุรกิจตัวเองอยู่รอดต่อไป ในภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่กำลังย่ำแย่ ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศ ผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจทั้งหลายต่างคิดหาทางออก เพื่อให้องค์กรสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตินี้ไปให้ได้ การมีรายได้เข้ามาเลี้ยงดูพนักงานในองค์กรตัวเองกลายเป็นเรื่องสำคัญและยากอย่างมาก เพราะหนทางที่จะหลุดพ้นวิกฤตินี้ไปได้จำเป็นต้องมีวิธีการคิดใหม่ ๆ ลองทำอะไรใหม่ ๆ จากที่ไม่เคยทำมาก่อน…

Article | Business

Techsauce ประกาศเปิดตัว และเผย 5 เทรนด์แห่งอนาคตอันใกล้ ที่คนทำงานควรรู้

“อะไรคือแรงผลักดัน ให้เราใช้เวลาในชีวิตเพื่อบางสิ่ง” ซึ่งเป็นคำโปรยที่พูดถึงการตั้งความหวังว่าจะขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง

Article | Business | Digital Marketing

เราต้องละทิ้งอะไรบางอย่างไว้ข้างหลัง – 3 นิสัยที่ควรโยนทิ้งจากชีวิตในปีนี้

เพื่อจะก้าวไปข้างหน้าได้ดีขึ้นและคล่องตัวขึ้น การทิ้งนิสัยบางอย่างที่ฉุดรั้งเราไม่ให้ก้าวไปไหน ก็อาจเป็นสิ่งหนึ่งที่เราแทบไม่ต้องลังเลเลยสักนิดที่จะทิ้งมันไป

Article | Living