ช่วงเทศกาล โดยเฉพาะคริสต์มาส เป็นช่วงเวลาที่เงินสะพัดมากที่สุดของปี
แม้ว่าใครหลายคนจะกังวลว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อผู้บริโภคหันไปซื้อของทางออนไลน์กันมากขึ้น
แต่ข้อมูลสถิติบ่งชี้ว่าปีที่ผ่านมายอดการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลไม่ได้ลดลงเลย กลับเพิ่มขึ้นจากเดิม 8.3% ด้วยซ้ำ วันนี้เรามาดูข้อมูลสถิติสนุกๆ เพิ่มเติมจากทั้ง Capital Counselor และ Finances Online กัน
8 สถิติน่าสนใจเรื่องการช้อปปิ้งคริสต์มาส
3 อันดับสิ่งที่คนนิยมซื้อให้เป็นของขวัญวันคริสต์มาสก็คือ เสื้อผ้า (73%) อาหารและเครื่องดื่ม (70%) และ ของเล่นรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ (64%)
ส่วน 3 อันดับสิ่งที่คนนิยมซื้อให้ตัวเองในวันคริสต์มาส ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (42%) เสื้อผ้า (39%) และรองเท้า (28%)
คนอเมริกันโดยเฉลี่ยตั้งงบ 988 ดอลลาร์สหรัฐในการซื้อของในช่วงคริสต์มาส โดยแบ่งเป็นค่าของขวัญ 650 ดอลลาร์ ค่าของอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของขวัญ เช่น เครื่องประดับตกแต่งสำหรับเทศกาล อีก 230 ดอลลาร์ และ ของอื่นๆ อีก 117 ดอลลาร์
1 ใน 10 ของคนที่ได้รับของขวัญเอาของขวัญไปเปลี่ยนคืนที่ร้านหลังจากได้มา กว่า 15% ของคนยุโรป ไม่ชอบของขวัญที่ตนได้รับ อีกกว่า 10% จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองได้รับของขวัญคริสต์มาสอะไรมาบ้าง จึงไม่แปลกใจเลยว่า มีคนจำนวน 14% เอาของที่ได้รับมาแล้วไปขายต่อ
มูลค่าของของขวัญที่ผู้รับไม่ชอบมีมากกว่า 1.52 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งชาวอเมริกันเกินครึ่งคาดหวังไว้อยู่แล้วว่าจะได้รับของขวัญที่ตัวเองไม่ชอบ
ผู้หญิงใช้เวลากว่า 20 ชั่วโมงในการเลือกซื้อของขวัญคริสต์มาส ในขณะที่ผู้ชายใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวของผู้หญิง
85% ของผู้บริโภคอยากได้บริการส่งของที่ไวกว่าเดิม โดยที่ชาว Millennial คาดหวังว่าจะได้รับของภายใน 24 ชั่วโมง
62% เลือกซื้อของขวัญล่วงหน้า 1 อาทิตย์ แต่ก็มีคนอีกกว่า 25% เริ่มซื้อของขวัญคริสต์มาสตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเลย
อย่าลืมว่าเทศกาลแห่งของขวัญแบบนี้เป็นช่วงเวลาสร้างยอดขายให้เติบโต ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ค้ารายใหญ่หรือรายย่อย ก็ควรจะลองคำนึงข้อมูลสถิติเหล่านี้เพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ
ในขณะเดียวกัน ถ้าคุณเป็นคนที่กำลังมองหาของขวัญสำหรับวันคริสต์มาสที่จะมาถึงก็จะได้ลองพิจารณาของที่ผู้รับน่าจะพึงพอใจและไม่เสียเปล่าไปด้วยนั่นเอง