Trending News

Subscribe Now

5 ข้อมัดใจลูกน้องคนเก่ง ในยุคไฮบริดออฟฟิศ

5 ข้อมัดใจลูกน้องคนเก่ง ในยุคไฮบริดออฟฟิศ

Article | Living

รู้หรือไม่!? มีแค่ 1 ใน 3 ของพนักงานบริษัทเท่านั้นที่ไว้วางใจในตัวหัวหน้าของพวกเขา งานวิจัยของ Gallup ยืนยันว่าเหล่ามนุษย์ออฟฟิศคนเก่งกว่า 67% จะแอบเสาะหางานใหม่ทันที ถ้าเจ้านายมีนโยบายเรียกตัวกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา หากงานนั้นสามารถ work from home หรือ remote work ทำออนไลน์จากที่ไหนก็ได้ 

ปีนี้เรายัง hybrid workplace กันอย่างต่อเนื่องในสถานการณ์โรคระบาดที่ยังไม่รู้จบ จึงกลายเป็นความท้าทายใหม่สำหรับเจ้านายที่ยากจะปฏิเสธ new norm นี้ และคงถึงเวลาแล้วที่ต้องนั่งลงทบทวนความสัมพันธ์กับพนักงานกันใหม่ว่า “เรายังโอเคกันดีอยู่รึเปล่า” เพื่อจะก้าวไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่สะดุดล้มกลางทาง


ด้วย 5 หัวใจสำคัญที่ CREATIVE TALK สรุปมาให้ทุกฝ่ายหาทางลงเอยได้แบบวินวินเป็นอันยิ้มได้

1. เปิดดีลกางข้อเสนอที่ใช่

ก่อนจะฝากความคาดหวังของบริษัทไว้กับพนักงาน หัวหน้าจะต้องหาจังหวะเหมาะๆ คอยถามไถ่ทุกข์สุข และความต้องการของแต่ละคนในทีมอย่างเป็นกันเองเสียก่อน เพียงแค่รู้ใจพวกเขาเสียหน่อย เห็นภาพอนาคตร่วมกันสักนิด เพิ่มหรือลดบทบาทตามเป้าหมายและความท้าทายที่เขาอยากเติบโตก้าวหน้าในอาชีพการงาน 

ลองนำข้อเสนอมากางในชั่วโมงแลกเปลี่ยน feedback ในทุกๆ ช่วงของปี ตกลงความรับผิดชอบกันใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าต่างฝ่ายต่างเห็นพ้องตรงกัน ทั้งเรื่องคุณภาพของงาน เวลาที่ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และข้อผิดพลาดที่เกิดยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้หรือไม่

ใครทำได้ดี มาตรฐานไม่แผ่ว ก็ต้องฉลองอวยยศกันเสียหน่อย เพราะคนทำงานต่างก็อยากได้รับการยอมรับ รู้สึกดีใจที่มีคุณค่า และเป็นที่เคารพรักของคนในออฟฟิศ เชื่อใจในความเป็นมืออาชีพของกันและกัน สร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือร่วมใจ ร่วมเป็นภาพฝันของวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนอยากได้


2. นัดพบสบตาตัวต่อตัว

การพบปะพูดคุยแบบตัวต่อตัวเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง ยิ่งได้พบกันถี่ทุกสัปดาห์ จะเจอตัวพบหน้าสบตากันที่ออฟฟิศ หรือวิดีโอคอลก็ได้

ผลการศึกษาพบว่ายิ่งได้หาโอกาสสัมผัสความรู้สึกนึกคิดผ่านสีหน้าแววตา ได้แชร์ความซาบซึ้งเบื้องหลังความสำเร็จ หรือความล้มเหลวไม่เป็นท่าที่ได้เรียนรู้ร่วมกัน ก็ยิ่งทำให้เราต่างรู้สึกเชื่อมลึกถึงกันมากขึ้น เจ้านายจะเข้าใจอุปสรรคของลูกน้อง และคอยให้คำแนะนำและการสนับสนุนที่ถูกจุดได้ทันเวลา ส่งผลให้คนทำงานมีกำลังใจอยากทุ่มเททำงานถวายหัวสูงขึ้นถึง 95%

แต่การเลี่ยงจะพบหรือไม่เคยมีเวลาได้พูดคุยกัน มีแต่จะเกิดคำถามค้างคาใจ เมื่อไม่เคยได้รับคำตอบ จะเกิดความไม่มั่นใจ หลงทิศทาง เวลาต้องมานั่งเดาใจเจ้านาย หรือคิดคาดเดาไปต่างๆ นานานั้นเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ ความรู้สึกไม่ดีที่เก็บสะสมไว้ รังแต่จะเพิ่มดีกรีเวลาเกิดความบาดหมางให้ยกระดับความรุนแรงขึ้น เพราะเวลาไม่ช่วยให้ลืมความรู้สึกถูกทอดทิ้งให้ดิ้นรนแต่เพียงลำพัง


3. รับฟังด้วยดวงตาสระอิ

ถึงคราวที่ลูกน้องต้องประเมินคุณว่าเป็นหัวหน้าที่ดีสำหรับทีมหรือยังบ้างแล้ว และนี่เป็นทางลัดเดียวที่ทำให้คุณเข้าใจแจ่มแจ้งว่าตัวเองควรต้องปรับปรุงการบริหารงานและการสื่อสารให้ดีขึ้นได้อย่างไร

คุณต้องสร้างบรรยากาศให้คู่สนทนาซึ่งมีอำนาจน้อยกว่า กล้าที่จะเปิดปากพูดออกมาจากใจโดยไม่อึดอัด แสดงท่าทีสบายๆ แต่ตั้งใจน้อมรับฟัง ไม่ขัดหรือสร้างความอึดอัดใจระหว่างการสนทนา

ลูกน้องจะสัมผัสได้แน่ว่าคุณเสแสร้งอยู่หรือไม่ คุณต้องรู้สึกยินดีและขอบคุณความคิดเห็นของลูกน้องที่มีต่อคุณจริงๆ นี่นับเป็นเรื่องน่ากราบใจที่คุณกล้าเผชิญหน้า เอ่ยปากมั่นเหมาะว่าจะลดและเพิ่มบทบาทในส่วนใด แล้วนำไปปฏิบัติจริงตามสัญญาก็จะสร้างรากฐานของความเชื่อใจที่แน่นหนาขึ้น


4. อย่าจุดไฟบูชายัญใคร

ทีมที่พร้อมจะฆ่าใครสักคนเพื่อบูชายัญคงไม่ใช่ทีมที่ดีแน่ ไม่มีอะไรสะเทือนขวัญต่อใจคนทำงานเท่าการถูกโยนให้เป็นฝ่ายผิดแต่เพียงผู้เดียว แล้วความตกตะลึงพรึงเพลิดลนลานกลัวความผิด จะส่งผลให้สมองชัตดาวน์ไม่คิดวิเคราะห์แยกแยะแก้ปัญหาอะไรได้ดี มีแต่อยากให้ความผิดพ้นตัว

ผู้นำที่ดีจะถามหากระบวนการที่นำไปสู่การแก้ปัญหา และมองข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นกระจกสะท้อนความพร้อมและคุณภาพของทีม แน่นอนว่าคุณคงไม่ได้ต้องการผู้รอดคนสุดท้าย แต่คุณต้องการทีมที่จะพาบริษัทรอดต่างหาก 

และนับเป็นความรับผิดชอบของหัวหน้าที่ต้องมองเจตนาของลูกน้องให้ขาด และต้องคอยสั่งการบอกบทในยามฉุกเฉิน ล่วงรู้ก่อนว่ามีรอยร้าวที่ต้องอุดตรงไหน ไม่ปล่อยให้ทีมมาคุมาเนิ่นนานโดยไม่ล่วงรู้มาก่อน จนมาถึงจุดแตกหักที่ยากเกินจะแก้


5. รับผิดแบบแมนแมน

เมื่อใดที่เกิดข้อผิดพลาดจากการตัดสินใจของผู้นำ การยอมรับผิดเป็นราคาที่สมควรต้องจ่าย  พนักงานจะรับรู้ได้ว่าคุณเข้าควบคุมสถานการณ์และทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว 

ในขณะที่ความมั่นใจของคุณค่อยๆ พังทลายลง แต่คุณยังควบคุมอารมณ์ได้ดี มีความอ่อนน้อมและการรับผิดชอบต่อการกระทำและคำพูดของตนเอง ลูกน้องจะยังเห็นอกเห็นใจ และยังวางใจว่าเดี๋ยวคุณก็จะพลิกสถานการณ์ให้ฟื้นคืนกลับมาดีได้แน่ 

ผู้นำที่กล้าเผชิญความจริง รับหน้าแทนทุกคน และพร้อมจะแก้ไขด้วยท่าทีที่มุ่งมั่น นั่นถึงจะทำให้ลูกน้องอยากอยู่ช่วยคุณให้ถึงที่สุด


CREATIVE TALK หวังว่าบทความนี้จะช่วยเตือนใจเหล่าเจ้านาย ไม่ให้ละเลยเผลอทำลูกน้องหมดใจโดยไม่รู้ตัว ความอบอุ่นใจและปลอดภัยของทุกคนในทีมจะเหวี่ยงดราม่ากระเด็นออกนอกออฟฟิศได้

การเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในออฟฟิศ ไม่ใช่แค่คุณเพียงเอ่ยคำทักทายระหว่างบังเอิญเจอกันที่ทางเดินหรือตู้กดน้ำ แต่คือการพูดคุยเพราะอยากทำความรู้จักรู้ใจลูกน้องมากขึ้น ทำให้คนตัวเล็กๆ รู้สึกสำคัญ เกิดเป็นมิตรภาพต่างตอบแทนอย่างในนิทานอีสปหนูกับราชสีห์ และในทางกลับกัน เมื่อไหร่ที่ทีมขาดความเชื่อมั่นในตัวคุณหรือหมดความเชื่อใจกันเอง ประสิทธิภาพของงานจะถดถอยลงทันที และมีความเสี่ยงที่บริษัทจะพบเจอเรื่องไม่เป็นเรื่องที่ส่งผลบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่โตกว่าที่คิดได้


ที่มาของข้อมูล

Related Articles

ส่งตรงจากห้องแล็บ ความลับของนวัตกรรมเครื่องหนีบผม Dyson Corrale ที่เดียวในโลก

สำหรับสาว ๆ ที่แต่งหน้าแต่งตัวอยู่เป็นประจำจะต้องรู้จักอุปกรณ์ชิ้นนี้อย่างแน่นอน เครื่องหนีบผมรุ่น Dyson Corrale จาก Dyson สนนราคาอยู่ที่ 399…

Article | Technology

6 Digital Marketing Trends 2023

บทความนี้น่าจะช่วยให้นักการตลาดผู้ดูแลแบรนด์ทุกขนาดสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงหรือจุดประเด็นไอเดียเพื่อนำไปวางแผนสำหรับปี 2023 นี้กันต่อไป

Article | Digital Marketing