อาจจะเป็นเรื่องชวนงงและชวนสงสัยของนักการตลาดออนไลน์มือใหม่กันอยู่พอสมควร เกี่ยวกับคำศัพท์ Cost Per หรือ ราคาต่อหน่วย ในการซื้อโฆษณาเฟซบุ๊ก (Facebook Ad) ว่า เราควรซื้อโฆษณาแบบไหนไม่ต้องใช้งบสูง และคุ้มค่ามากที่สุด แถมยังมาเจอตัวย่อคำศัพท์ต่าง ๆ สับสนกันไปยกใหญ่ คำนี้หมายความว่ายังไง ต้องคำนวณค่าใช้จ่ายอย่างไร
เราจึงสรุป 5 คำศัพท์ ที่เจอกันบ่อยที่สุด พร้อมตัวอย่างฉบับเข้าใจง่ายมาฝากกัน
CPE หรือ Cost Per Engagement
การซื้อโฆษณา ให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเข้ามาร่วมมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับแบรนด์ ผ่านการ Like, Comment และ Share โดยคิดเป็นราคาเฉลี่ยของงบที่ลงโฆษณา ต่อจำนวนครั้งที่คนเข้ามาร่วมปฏิสัมพันธ์กับโพสต์นั้น
เช่น ลงโฆษณา 200 บาท และมีคนเข้ามา Like, Comment และ Share ทั้งหมด 520 ครั้ง CPE จะเท่ากับ 0.38 บาท
CPL หรือ Cost Per Like
ยิ่งมีคนกดไลก์เพจมาก ยิ่งมีโอกาสที่จะทำให้คนเข้ามาปฏิสัมพันธ์กับโพสต์ต่าง ๆ มากขึ้นเท่านั้น ราคา CPL จึงค่อนข้างมีราคาค่อนข้างสูง
CPV หรือ Cost Per View
การซื้อโฆษณาต่อการชมวิดีโอ 1 ครั้ง ใช้ได้กับทั้ง Youtube และ Facebook Video โดยจะคิดค่าใช้จ่ายเมื่อผู้ใช้ดูวิดีโอครบตามที่แพลตฟอร์มกำหนด เช่น Facebook Video อย่างน้อย 10 วินาทีขึ้นไป
CPI หรือ Cost Per Install
การซื้อโฆษณา เพื่อให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปพลิเคชัน สำหรับราคามาตรฐานจะขึ้นอยู่กับธุรกิจ พื้นที่ในการดาวน์โหลด และช่องทางในการดาวน์โหลด
CPA หรือ Cost Per Action
การซื้อโฆษณาต่อ 1 การกระทำ เพื่อให้ผู้ใช้เกิดการเข้าร่วมผ่านการ สมัครสมาชิก, ลงทะเบียน, สั่งซื้อ และอื่น ๆ โดยจะเสียค่าใช้จ่ายต่อเมื่อมีการเคลื่อนไหวตามที่แบรนด์ระบุไว้เท่านั้น
ซื้อโฆษณาแบบไหนถึงจะได้ผลดี และไม่ต้องใช้งบสูง?
อันดับแรกต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ในแต่ละธุรกิจราคาจะไม่เท่ากัน และเทียบกันไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการตั้งวัตถุประสงค์ ต้องเข้าใจตัวเองด้วยว่า ในการซื้อโฆษณาครั้งนี้ เราทำไปเพื่ออะไร อยากได้อะไรกลับมา เพื่อจะได้รู้ว่าควรซื้อโฆษณาแบบไหนถึงจะคุ้มค่า และได้ผลลัพธ์ที่ตรงมากที่สุด