อ่านแล้วอาจจะรู้สึกตรงกันข้ามระหว่างคำว่า ครีเอทีฟ กับคำว่าทุก ๆ วัน ความครีเอทีฟหรือไอเดียสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นได้ทุกวันได้อย่างไร
วันนี้ต้องยอมรับความ Creativity หรือความคิดสร้างสรรค์นั้นมีผลต่อชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านการงาน การใช้ชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่การโพสต์รูปภาพและคลิปลงโซเชียลมีเดีย ผู้ที่มีไอเดียดี ไอเดียแปลกใหม่ อาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เกิดผลลัพท์ไปในทางที่ดีได้
ไอเดียสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นได้อย่างไร น่าเหลือเชื่อว่าหลายคนยอมรับว่า “เป็นคนไม่มีความคิดสร้างสรรค์” เชื่อหรือไม่ว่าความคิดสร้างสรรค์นั้นฝึกได้ อยู่ที่วิธีฝึกกระบวนการคิด ซึ่งสำหรับใครที่คิดว่าตัวเองมีความคิดสร้างสรรค์อยู่แล้ว ก็สามารถลับคมตัวเองทุก ๆ วันได้เช่นกัน เรามาดูวิธีลับไอเดียให้คมในทุก ๆ วันกันดีกว่า
บทความนี้เราอยากให้คุณได้ลองอ่าน : ฝึกคิดแบบนักออกแบบ: 3 ทักษะของนักออกแบบที่คนที่ไม่ใช่ Designer ควรมีในทศวรรษที่ 20
1. เริ่มต้นด้วยการจัดตารางเวลาประจำวัน โดยให้งานครีเอทีฟมาก่อนเสมอ
การจัดตารางเวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะกับคนที่มีอิสระในการทำงาน ไม่มีใครมาคอยกำหนดว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้างนั้น การปล่อยปะละเลยจะทำให้เวลาในแต่ละวันสูญหายไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นจึงควรจัดเวลาทุกวันโดยเริ่มต้นด้วยงานที่ต้องใช้สมองมาก ๆ อย่างงานครีเอทีฟ งานที่เน้นความคิดสร้างสรรค์หนัก ๆ ส่วนงานที่เกี่ยวกับ ‘reaction’ เช่น การประชุม การตอบอีเมล งานที่มีการโต้ตอบไปมาเหล่านี้ จัดไว้ช่วงบ่ายจะดีกว่า
2. จัดบรรยากาศและสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมสำคัญมาก การจัดบรรยากาศแวดล้อมให้เหมาะสมกับการทำงานเช่นการจัดโต๊ะ จัดต้นไม้ให้ดูสดชื่น นอกจากจะทำให้ทำงานได้ดี หาของเจอ เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ในทางจิตวิทยายังเป็นการบอกสมองตัวเองด้วยว่า ทุกครั้งที่เรามาอยู่ ณ จุดนี้ เรากำลังจะเริ่มทำงานที่ต้องใช้สมองจริง ๆ จัง ๆ แล้วนะ
3. ฝึกสมองให้คิดทุกวัน
แม้ในวันที่อาจจะไม่มีงานให้ต้องคิดหนัก ทุกคนก็ควรจะต้องฝึกสมอง และจัดเวลาสำหรับลับไอเดียให้คมอยู่เสมอ การลองคิดไอเดียใหม่ ๆ ให้กับสิ่งรอบตัวไม่ว่าจะเป็นการจัดพื้นที่ใหม่ การจัดวิธีการทำงานใหม่ ก็ถือเป็นการลับความคิดไอเดียของเรา แต่ถ้าจะให้ง่าย ที่ร้านหนังสือก็มีหนังสือฝึก Creativity ให้สมองได้คิด ได้ออกกำลังกายแบบง่าย ๆ ได้ในทุก ๆ วัน
ฟังพอดแคสต์ : วิธีลับไอเดียให้สร้างสรรค์อยู่เสมอ
4. หยุดบ้างก็ได้
หากวันไหนที่เหนื่อยล้า หรือนั่งทำงานมาตลอดทั้งวัน การได้หยุดบ้างพักบ้างจะช่วยทำให้สมองได้ reset การพักผ่อนซัก 30 นาที ถึง 45 นาที จะทำให้ผลงานของคุณออกมาได้ดีขึ้น และส่วนใหญ่แล้วผลงานจากสมองที่ได้พัก มักจะดีกว่าสมองที่ฝืนทำ
5. ให้เวลากับตัวเอง
ข้อนี้สำคัญมาก แต่น้อยคนจะให้ความสำคัญ อาจจะเป็นเพราะงานที่รุมเร้าอยู่ทุกวัน อีเมลที่ต้องตอบ แชทที่ต้องคุยอยู่เสมอ จึงทำให้หลายคนรู้สึกยุ่งอยู่ตลอดเวลาจนไม่มีเวลาให้ตัวเอง การหยุดพักและให้เวลากับตัวเองคือหนึ่งในสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ ในการฝึกฝนให้มีความคิดไอเดียที่ดี
อย่างไรก็ตามการให้เวลากับตัวเองไม่ได้หมายถึงการให้เวลาตัวเองได้ดูหนัง ฟังเพลง แต่หมายถึงการได้อยู่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ หาที่สงบ ๆ ให้กับตัวเอง ให้สมองได้พักอย่างจริงจัง และให้เวลาคุยกับตัวเอง ทบทวนสิ่งที่ได้ทำประจำวัน ซึ่งการให้เวลากับตัวเองนั้นควรจะใส่ไว้ในกิจวัตรประจำวัน เพื่อให้เราได้ทำเป็นประจำในทุก ๆ วัน
6. อย่ามัวแต่รออารมณ์
คนที่ใช้ความคิดมักจะบอกว่า “ยังไม่มีอารมณ์” แต่คนเก่งจริงจะไม่ต้องรออารมณ์ เพราะไม่ว่าจะมีอารมณ์หรือไม่ ไอเดียที่ได้ออกมามักจะไม่ใช่ไอเดียที่ดีที่สุดเสมอ และการปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่เกิดประโยชน์ อาจจะนำมาซึ่ง deadline ที่กระชั้นชิด ส่งผลให้งานที่ตั้งใจจะคิดให้ดี กลับกลายเป็นงานที่ต้องเร่งคิด และอย่างที่เรารู้ งานใดที่ต้องเร่ง น้อยครั้งที่จะได้ผลลัพท์ออกมาดี
ดังนั้นการวางแผนในการทำงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ การรอเวลารออารมณ์คือข้ออ้างของความขี้เกียจ อย่าปล่อยให้ตัวเองเป็นศัตรูของตัวเอง
แต่ในวันที่ตีบตันไอเดียจริง ๆ จะทำอย่างไรดี เราลองมาดู 3 วิธีปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ในวันที่ไอเดียตีบตันนี้กัน
หลังจากนี้เมื่ออ่านบทความนี้จบแล้ว อยากให้ทุกคนได้กลับไปเปิดปฎิทินตัวเอง และกำหนดช่วงเวลาทำงาน ช่วงเวลาฝึกฝนสมอง ช่วงเวลาพัก ช่วงเวลาอยู่กับตัวเอง เพราะการกำหนดเวลาคือหนึ่งในหนทางที่จะช่วยให้เรามีวินัยที่จะนำไปสู่อิสระของการทำงาน ความคิด และไอเดีย
เรื่อง : สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม
ภาพ : สุธาทิพย์ อุปสุข
ฟัง Morning Call Podcast ได้ทาง