Trending News

Subscribe Now

3 Innovation Trend ที่กำลังมาและต่อจากนี้ของปี 2020

3 Innovation Trend ที่กำลังมาและต่อจากนี้ของปี 2020

Article | Technology

ไม่น่าเชื่อว่าหลายสิ่งที่เราเคยรู้ เคยได้ยิน วันนี้อาจจะกลายเป็นเทรนด์เก่า ไปแล้ว จากเดิม IoT (Internet of Things) ดูเหมือนจะมีความล้ำนำสมัย แต่วันนี้ IoT กลายเป็นสิ่งที่มีแทบทุกบ้าน โลกที่หมุนเร็วทำให้เทคโนโลยีและความรู้ถูกส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าทำให้เราในฐานะผู้บริโภคหรือคนทำธุรกิจจำเป็นต้องจับเทรนด์เหล่านี้ให้ทัน

แม้ว่าปี 2020 จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยเรื่องราววุ่นวาย วิกฤตโคโรน่าไวรัสทำให้หลายกิจการหยุดชะงัก แต่ไม่ใช่เรื่องของนวัตกรรม เพราะไม่ทันไรก็จะผ่านครึ่งปี 2020 ไปแล้ว เรามาดูกันว่ามีเทรนด์ด้านนวัตกรรมอะไรบ้างที่น่าจับตามมอง

Internet of Bodies (IoB)

ถ้าคุณเข้าใจว่า Internet of Thigs คืออะไร Internet of Bodies ก็คล้ายๆ กัน IoB คืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันได้ผ่านอินเตอร์เน็ต ผ่านเน็ตเวิร์ค แต่ความแตกต่างระหว่าง IoT กับ IoB คือ เจ้า IoB นี้จะเชื่อมต่อกับร่างกายมนุษย์

ทั้งนี้การเชื่อมต่อกับร่างกายมนุษย์ที่เราคุ้นเคยที่สุดคือการเชื่อมต่อแบบภายนอก เช่น นาฬิกา Apple Watch, FitBit, Garmin เหล่านี้เป็นต้น ทั้งนี้จุดประสงค์ของ IoB โดยมากนั้นก็เพื่อเช็คสุขภาพ เช่น วัดคลื่นหัวใจ วัดการหลับนอน หรือที่มากไปกว่านั้นอาจเป็นการควบคุมการทำงานของหัวใจด้วยก็เป็นได้

IoB คือหนึ่งในเทรนด์นวัตกรรมที่กำลังมาแรงและน่าสนใจยิ่ง เพราะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิต และความเป็นอยู่ของมนุษย์โดยตรง

Mindful Culture

จิตใจของมนุษย์มีผลอย่างมากต่อความคิด ประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงการใช้ชีวิต นอกจาก IoB จะเป็นเทรนด์ที่ตรวจวัดสุขภาพของมนุษย์ด้านร่างกายแล้ว Mindful Culture คือวัฒนธรรมการดูแลสภาพจิตใจ ช่วยทำให้มนุษย์มีสมาธิมากขึ้น ควบคุมอารมณ์ได้มากขึ้น นอนหลับได้ดีขึ้น

ด้วยความนิยมของเทรนด์ Mindful Cuture ทำให้แอพพลิเคชัน Calm  มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญโดยแอพพลิเคชันนี้ช่วยให้เราฝึกสมาธิ ดูแลด้านจิตใจ กระทั่งช่วยเรื่องนอนหลับ ดังนั้นจากเดิมที่มนุษย์ไม่เคยใส่ใจเรื่องการนอน แถมสำหรับบางคนกลับมองว่าการนอนเป็นกิจกรรมที่เสียเวลานั้น วันนี้เราหันมาใส่ใจกับการนอนมากยิ่งขึ้นเพราะมีความรู้และเข้าใจแล้วว่า ถ้านอนน้อยจะส่งผลต่อสภาพจิตใจ ส่งผลต่อโฟกัส ประสิทธิภาพการทำงาน ดังนั้นเราจึงไม่แปลกถ้าจะบอกว่า แอพพลิเคชันอย่าง Calm หรือ Headspace จะกลายเป็นแอพพลิเคชันที่ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีมานี้

Deep Fake

ถ้าให้อธิบายง่ายๆ Deep Fake คือการที่เราสามารถสร้างภาพเคลื่อนไหวให้คนบางคนสามารถพูด หรือทำอะไรที่เขาไม่เคยทำมาก่อนในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว เช่น เราสามารถทำให้ประธานาธิบดีพูดอะไรก็ได้ที่เราอยากให้เขาพูด โดยใช้เทคโนโลยี Deep Fake

อีกตัวอย่างของการทำ Deep Fake ที่น่าสนใจคือภาพยนตร์เรื่อง The Matrix ภาพยนตร์ระดับตำนานที่เคยโด่งดังเมื่อหลายปีมาแล้ว ซึ่งหลายคนรู้ดีว่านักแสดงนำของ The Matrix คือ Keanue Reeves แต่ไม่นานมานี้มีคนนำภาพของ Will Smith เข้าไปแทนที่ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย Will Smith ในแบบที่ไม่สามารถแยกออกได้เลยว่านี่คือภาพยนตร์ที่ทำ Deep Fake ขึ้น 

แต่ Deep Fake ถือว่าเป็น Dark Innovation ถ้าเทคโนโลยีนี้ไปอยู่ในมือคนผิด ก็อาจจะสร้างความเสียหายร้ายแรงมากได้ และในวันนี้ Deep Fake สามารถเข้าถึงมือทุกคนในระดับแมสได้แล้ว เมื่อแอพพลิเคชันของจีนสามารถให้คุณเข้าไปสร้าง Deep Fake ได้เอง

Next Level Gig Economy

ไม่ว่าจะเป็นฟรีแลนซ์หรือคนส่งอาหารเดลิเวอร์รี่เหล่านี้ถือว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มของ Gig Economy ทั้งสิ้น และผมเชื่อว่าหลังคลี่คลายสถานการณ์โคโรน่าไวรัสแล้ว เราจะมีความคิดที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับการทำงานในออฟฟิศ หลายคนเริ่มเข้าใจแล้วว่าความจริงเราไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศตอกบัตรทุกวัน รูปแบบการทำงานอยู่บ้านหรือทำงานอยู่ที่ไหนก็ได้อาจเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับมนุษย์ในศตวรรษที่ 21

แม้ว่า Gig Economy จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การใส่ใจกับ Gig Economy ที่นับวันเติบโตขึ้นเป็นอีกหนึ่งเทรนด์สำคัญที่ทั้งภาครัฐ เอกชน ต้องใส่ใจ เพราะการดูแลพนักงานหรือทีมงานเหล่านี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ธุรกิจอาจต้องโฟกัสมากขึ้นเรื่องสวัสดิการ การเปิดโอกาสให้พนักงานเหล่านี้มีสถานที่ทำงานชั่วคราวหรือการทำสัญญาทางธุรกิจที่รัดกุมมากยิ่งขึ้น รวมถึงเรื่องของความปลอดภัย มาตรฐานในการรักษาความลับ เหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเริ่มใส่ใจให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น

แม้ว่าจะมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่เราในฐานะของคนทำธุรกิจหรือแม้แต่คนใช้นวัตกรรมเหล่านั้น เราจำเป็นต้องคอยติดตามและศึกษาให้เข้าใจ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว 

Innovation Trends เหล่านี้ถือเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวจากอีกหลายเทรนด์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้านี้หรือไม่กี่เดือนต่อจากนี้เสียด้วยซ้ำ ทั้งหมดนี้เราจำเป็นต้องติดตามต่อว่า นวัตกรรมเหล่านี้จะช่วยให้ การใช้ชีวิตและการทำงานของมนุษย์ดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร 

เรื่อง : สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม
ภาพ : สุธาทิพย์ อุปสุข

Related Articles

คน 5 แบบที่คุณควรรู้จักเมื่อทำธุรกิจ

เด็ก ๆ เคยได้ยินคำโบราณที่กล่าวไว้ว่า “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล” ปัจจุบันนี้อาจจะจริง เพียงแค่ครึ่งเดียว คือเรื่องการคบคนพาลนั้นจะพาเราไปเจอเรื่องที่ไม่ดีแน่นอน แต่ในโลกของธุรกิจปัจจุบันการไปให้ถึงจุดหมายบางอย่างแค่ บัณฑิต อย่างที่โบราณกล่าวไว้อาจไม่เพียงพออีกต่อไป…

Article | Entrepreneur

3 เหตุผลที่แบรนด์ควรใช้ฟีเจอร์ Story สื่อสารกับคนดูให้มากขึ้น

ไม่กี่วันที่ผ่านมาได้เปิดมือถือ เข้า Facebook เช็กความเคลื่อนไหวบนโลกโซเชียล จู่ ๆ ก็รู้สึกแปลก เหมือนมีอะไรเปลี่ยนไป เลื่อนฟีดไปมา กดเด้งกลับหน้าฟีดบนสุดแล้วถึงบางอ้อ…

Article | Digital Marketing

‘พูดไม่ผิด แต่ทำไมคนเข้าใจเราผิด’

ถึงแม้เราจะใช้ “วัจนภาษา” ในการสื่อสารในชีวิตประจำวันเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูดหรือภาษาเขียน แต่สิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้ “วัจนภาษา” เลยก็คือ “อวัจนภาษา” ซึ่งประกอบไปด้วย น้ำเสียง ท่าทาง สายตา กลิ่น ระยะห่าง สัมผัส หรืออากัปกิริยาต่างๆ

Article | Living