Trending News

Subscribe Now

มารู้จักวิธีตั้งเป้าปีใหม่ว่า ต้องทำยังไงถึงจะสำเร็จเป็นจริงให้ได้

มารู้จักวิธีตั้งเป้าปีใหม่ว่า ต้องทำยังไงถึงจะสำเร็จเป็นจริงให้ได้

Article | Living

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่วางแผน New Year’s Resolution แล้วล่ม ไม่ต้องเสียใจไป เพราะนี่เป็นเรื่องปกติ

ข้อมูลจาก FranklingCovey เปิดเผยว่า กว่า 1 ใน 3 ของคนที่ตั้งเป้า New Year’s Resolution ไว้มักจะทำตามแผนไม่สำเร็จภายในตั้งแต่ยังไม่พ้นเดือนมกราคมด้วยซ้ำ เพราะการวางแผนเป็นเรื่องง่าย แต่การลงมือทำให้สำเร็จนั้นต้องอาศัยมากกว่าแค่วินัยที่ดี

วันนี้เรามีคำแนะนำที่จะทำให้คุณบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งใจไว้


เลือกเป้าหมายที่ถูกต้อง

คุณจะพยายามอย่างเต็มที่หากมีเป้าหมายที่ทำได้จริงและมีความหมายด้วย สามสาเหตุหลักที่ทำให้เรามักจะยอมแพ้จากเป้าหมายคือ ตั้งเป้าหมายที่คนบอกว่าเราต้องทำ เป้าหมายกว้างเกินไป เราไม่มีแผนการที่ชัดเจนที่จะไปถึงเป้าให้ได้

การตั้งเป้าหมายควรใช้หลักการ SMART 

  • Specific (เจาะจง) ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น หากคุณต้องการลดน้ำหนัก ต้องตั้งน้ำหนักที่ต้องการจะลดไปเลย
  • Measurable (วัดผลได้) ถ้าเป็นการตั้งเป้าหมายในเรื่องการออกกำลังกายหรือลดน้ำหนักอาจจะวัดผลได้ไม่ยาก แต่เป้าหมายอื่นๆ ที่วัดผลได้ยาก คุณก็อาจจะต้องหาทางวัดผลดู เช่น อยากเลิกนิสัยกัดเล็บ ให้ลองถ่ายรูปเล็บไว้ เมื่อเวลาผ่านไปให้กลับมาดูว่าเล็บของคุณยาวแค่ไหน หรือพฤติกรรมอื่นๆ อาจวัดผลได้ด้วยการลองจดบันทึก
  • Achievable (เป็นไปได้) การตั้งเป้าที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เรื่องผิด แต่การตั้งแต่เป้าที่ใหญ่เกินไปอาจทำให้คุณรู้สึกตึงเกินไปและอาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตด้านอื่นๆ ไปด้วย เช่น ตั้งเป้าไว้ว่าจะเกษียณให้ได้ภายใน 5 ปี และตอนนี้คุณอายุแค่ 30 ปี อาจจะเป็นเป้าหมายที่ดูเป็นจริงได้ยากเกินไป ลองเปลี่ยนเป้าหมายเป็นหาเงินเพิ่มเดือนละ 5000 บาทดูจะเป็นไปได้มากกว่า
  • Relevant (เกี่ยวเนื่อง) ลองถามคำถามตัวเองดูว่าเป้าที่ตั้งไว้สำคัญกับคุณจริงหรือไม่ และเป้าหมายนั้นคือสิ่งที่คุณอยากทำจริงหรือเปล่า
  • Time-Bound (กำหนดระยะเวลา) เช่นเดียวกับการตั้งเป้าหมายให้เป็นไปได้ การตั้งเป้าเรื่องเวลาก็เช่นกัน จะต้องมีเวลาที่เหมาะสม หรือพอเหมาะให้คุณบรรลุเป้าหมายได้ ทางที่ดี ลองตั้งเป้าเล็กๆ แบบค่อยเป็นค่อยไประหว่างทางเรื่อยๆ จะถึงเป้าใหญ่ได้ดีกว่า

วางแผนลงมือทำ

เพราะว่าการจะไปถึงเป้าหมายนั้น ใช่ว่าตื่นมาจะสำเร็จเลย คุณยังต้องอาศัยการวางแผนที่ดี มองให้เห็นถึงต้นตอของสิ่งที่คุณตั้งเป้าไว้ว่าอยากจะแก้ไข โดยเฉพาะเมื่อคุณอยากจะเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีบางอย่าง 

ตัวอย่างเช่น ติดทวิตเตอร์มากเกินไป เมื่อคุณรู้สึกอ้างว้าง คุณเลยมักจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาไถฟีด และทำให้คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับคนในนั้น แต่ความจริงแล้ว สาเหตุของปัญหาคือ คุณรู้สึกเหงา เพราะฉะนั้นหนทางที่จะทำให้เป้าหมายของคุณในการเลิกติดทวิตเตอร์สำเร็จ คือ การลุกขึ้นแล้วเดินไปคุยกับเพื่อนเสีย 

สำคัญ คือ คุณต้องหาสาเหตุของพฤติกรรมที่ต้องการเปลี่ยนให้เจอ ทั้งสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังจะทำพฤติกรรมแย่ๆ และรางวัลที่คุณให้เพื่อชดเชยสัญญาณนั้นๆ การวางแผนเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสามารถทำได้ทีละเล็กละน้อย เช่น ถ้าคุณอยากวิ่ง อาทิตย์แรกอย่าเพิ่งออกไปวิ่งทันที แต่ให้ลองสวมชุดสำหรับวิ่งไว้ก่อน จากนั้นวันต่อมาค่อยเดินแถวบ้านด้วยชุดวิ่งดู เพื่อเป็นการค่อยๆ สร้างบรรยากาศทีละนิด การเลือกเวลาสำหรับวิ่งก็สำคัญ หากคุณตั้งเป้าแล้วรีบวิ่งทันทีในตอนเช้าวันถัดไป แล้วก็ต้องรีบมาอาบน้ำเพื่อแต่งตัว แล้วก็รีบเดินทางไปทำงาน แบบนั้นจะทำให้การวิ่งกลายเป็นบทลงโทษไปมากกว่า ในทางกลับกันหากคุณจัดเวลาเพื่อวิ่ง แล้วกลับมาอาบน้ำด้วยความสบายใจ ตบท้ายด้วยช็อคโกแลตเล็กๆ สักชิ้น เชื่อสิ คุณจะทำวิ่งได้นานกว่าแบบแรกแน่ๆ 


ก้าวข้ามอุปสรรคให้ได้

แน่นอนว่าระหว่างทางเราต้องเจอกับอุปสรรคต่างๆ สิ่งแรกที่ต้องคิดไว้เสมอคือ ต่อให้เราวางแผนไว้ดีแค่ไหน การเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องยากอยู่ดี กับดักทางความคิด 5 อย่างที่คุณมักเจอ คือ 

  • มากเกินไปแล้ว หนทางยังอีกตั้งยาวไกล” หลายๆ ครั้งการมองไม่เห็นพัฒนาการ (ที่ไม่ใช่ถนน) ทำให้คุณรู้สึกท้อแท้ ลองใช้เทคนิค “จำนวนน้อย” ดู เทคนิคเน้นให้คุณซอยเป้าหมายแบบทีละเล็กละน้อยค่อยๆ เก็บไปเป็น Small Wins จะทำให้คุณเข้าถึงเป้าหมายได้ง่ายกว่าตั้งเป้าใหญ่ทีเดียว ตัวอย่างเช่น คุณตั้งเป้าไว้ว่าจะวิ่งให้ได้ 5 กิโลเมตร หากคุณวิ่งมาแล้ว 1 กิโลเมตร คุณอาจบอกตัวเองว่า รอบหน้าคุณจะวิ่งให้มากขึ้นเท่าตัวนึง เพราะฉะนั้นคราวหน้าคุณก็จะเก็บได้อีก 2 กิโลเมตร เป็นการเข้าใกล้เป้าหมายแบบเป็นไปได้ และมีความหวัง แต่ถ้าคุณไม่ซอยเป้าหมาย เมื่อคุณวิ่งมาแล้ว 1 กิโลเมตร คุณก็จะมองแค่ว่า “โห เหลืออีกตั้ง 4 กิโลที่ต้องเก็บให้ครบ”
  • ฉันพยายามจะมองโลกในแง่ดีแล้วนะ ไม่เห็นจะได้ผลเลย” Gabriele Oettingen ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาที่ New York University ผู้เขียนหนังสือ “Rethinking Positive Thinking: Inside the New Science of Motivation.” ได้กล่าวไว้ว่า การมองโลกในแง่ดีเพียงอย่างเดียวไม่ช่วยให้คุณถึงเป้าหมายได้ หนำซ้ำมันอาจจะรั้งคุณจากความสำเร็จด้วยซ้ำ จากการวิจัยของเธอพบว่า คนที่มองโลกในแง่ดีมักจะมัวแต่ฝันกลางวันถึงความสำเร็จมากกว่าจะทำมันออกมาให้เป็นรูปเป็นร่าง เธอจึงเสนอแนะว่า ทางที่ดีคุณต้องมองโลกในแง่ดี พร้อมๆ กับมองโลกตามความเป็นจริงควบคู่ไปด้วย ให้ลองใช้เทคนิค W.O.O.P ก็คือให้คุณนึกก่อนว่าอยากทำอะไร (Wish) มองไปที่ผลลัพธ์หากมันสำเร็จ (Outcome) จากนั้นมองหาปัญหาหรืออุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง (Obstacle) สุดท้ายให้วางแผนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย (Plan)
  • ฉันทำมันให้เป็นกิจวัตรไม่ได้” หรือว่าบางทีแผนของคุณอาจจะไม่ยืดหยุ่นหรือเปล่า อย่าลืมวางแผนสำรองเผื่อไว้ในกรณีที่คุณจำเป็นต้องยืดหยุ่นกับตารางบ้าง
  • ฉันรู้สึกกดดันมากเกินไปแล้ว” หากคุณมีความคิดแบบนี้ในหัว นี่อาจจะเป็นสัญญาณว่าเป้าหมายที่คุณตั้งไว้อาจจะไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก ลองกลับมาคุยกับตัวเองว่า เป้าหมายนี้ คุณทำเพื่อตัวเอง หรือ คนอื่นบอกให้คุณทำกันแน่ 
  • ฉันเผลอไปแล้ว” ถ้าคุณเผลอกลับไปสู่วังวนเดิมๆ ให้ทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น เช้าวันต่อมาคุณก็แค่กลับมาทำในสิ่งที่คุณกำลังพยายามอยู่ต่อไปก็แค่นั้น 

หาเพื่อนที่มีเป้าหมายเดียวกัน

จริงๆ เป็นเรื่องง่ายมากที่จะหาพรรคพวกร่วมขบวนการเปลี่ยนแปลงเพื่อเป้าหมายในช่วงปีใหม่ 

  • สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ ประกาศเป้าหมายของคุณไปเลย คุณไม่จำเป็นต้องหากลุ่มพิเศษอะไรเลย แค่มีคนสักสองสามคนที่รู้ว่าคุณกำลังตั้งใจจะทำอะไรก็เพียงพอแล้ว หรือคุณจะประกาศเป้าหมายของคุณลงในพื้นที่โซเชียลมีเดียของคุณก็ได้ แต่อาจจะต้องระวังหน่อย เพราะโซเชียลเหล่านั้นก็เหมือนดาบสองคม คุณอาจจะได้รับกำลังใจที่มากเกินไปจนไม่ทำอะไร หรือ อาจจะเจอคำแนะนำที่ไม่ต้องการจากคนที่คุณแทบจะไม่ได้คุยด้วยเลย
  • ยอมเสียอะไรบ้าง โดยเฉพาะเงิน ลองตั้งเป้าหมายที่ถ้าคุณทำไม่สำเร็จคุณจะไม่ได้รับเงินกลับมา เช่น ถ้าคุณวิ่งไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ คุณจะต้องเสียเงิน 5000 บาทให้กับน้องชายตัวดีที่บ้านเป็นต้น เวลามีเรื่องของเงินเข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้คุณตั้งใจมากขึ้น
  • หากลุ่มคนที่มีเป้าเดียวกัน หากลุ่มคนที่มีเป้าหมายเหมือนกัน จะออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ได้ คุณจะได้พลังใจจากคนในกลุ่มให้เดินหน้าต่อไปไม่ลดละ
  • ตัดอิทธิพลที่ไม่ดีออกไปบ้าง แน่นอนว่าเพื่อนและครอบครัวจะคอยช่วยเป็นกำลังใจให้คุณเสมอ แต่คนภายนอกบางคนก็อาจจะไม่ได้คิดแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นพฤติกรรรมไม่ดีที่คุณอยากตัดทิ้ง แล้วทำให้คุณไม่สามารถมีส่วนร่วมกับพวกเขาได้ เช่น หากคุณต้องการเลิกบุหรี่ แต่ยังสุงสิงกับเพื่อนที่ยังสูบบุหรี่ แน่นอนคุณจะไปหักห้ามใจไม่ให้สูบต่อหน้าพวกเขาได้ยังไง

 หากพลาดเป้า อย่าโทษตัวเอง 

จำไว้ว่า หากคุณทำไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ คุณก็แค่ได้ประสบการณ์เพิ่ม คราวหน้าคุณก็ยังพยายามเป็นครั้งสอง สาม หรือ สามสิบก็ยังได้ ไม่สายเกินไป สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกเลยคือ อย่าโทษตัวเองมากเกินไป 

  • เริ่มต้นใหม่แบบสบายๆ อยากจะลองอีกสักรอบไหมล่ะ อย่าลืมว่า เป้าหมายไม่จำเป็นต้องผูกติดกับปีใหม่เสมอไป เพราะฉะนั้นถ้าพลาดจากปีใหม่ คุณก็แค่เริ่มใหม่พรุ่งนี้ไง หรือจะวันไหนก็ได้ที่คุณรู้สึกอยากจะเริ่มใหม่ แต่คุณไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงปีใหม่อีกรอบแล้วค่อยมาทำใหม่ก็ได้นี่
  • ใจดีกับตัวเองหน่อย มันอาจจะเป็นเรื่องปกติที่เรามักจะพูดจาให้กำลังใจตัวเองน้อยกว่าที่เราพูดกับคนอื่น แต่ถ้าคุณอยากทำเป้าหมายให้สำเร็จ คุณอาจจะต้องให้กำลังใจตัวเองให้เป็น เมื่อไหร่ที่คุณล้ม คุณจะต้องสามารถพูดกับตัวเองได้ว่า “ใช่ ฉันพลาดไป แต่ฉันจะทำยังไงต่อดีนะ” 

สุดท้ายแล้วอย่าลืมว่าการตั้งเป้าหมายจะสำเร็จไม่ได้เลยหากไม่มีก้าวแรก


อ้างอิงจาก

Related Articles

เว็บเบราว์เซอร์บอกได้ว่าคุณเป็นคนอย่างไร จากหนังสือ Original (คนต้นแบบ)

หนังสือ Original เขียนโดย Adam Grant (อดัม แกรนต์) เป็นหนังสือที่พูดเกี่ยวกับว่า ปกติคนเราจะชอบทำตามสิ่งที่วางไว้ตั้งแต่ต้น อะไรที่มีอยู่แล้วก็ทำตามนั้น…

Article

Google กับมุมมองต่อ Metaverse ที่แตกต่างไปจากยักษ์ใหญ่รายอื่น

ตั้งแต่ facebook ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น Meta เพื่อยกระดับจากบริษัท Social Media ให้กลายเป็นองค์กรแห่งอนาคต ก็สร้างกระแสการพูดถึง Metaverse หรือโลกเสมือนไปทั่วทั้งโลก

Article | Technology

3 ทางรอด Agency ในวันที่จะไม่เหลือที่ยืนอีกต่อไป

ในตอนนี้ถ้าใครอยู่ในวงการการทำโฆษณาหรือเอเจนซี่โฆษณาจะพบว่า เป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นงานที่หดน้อยลง หรือแม้แต่ Talents ที่หายากเพิ่มขึ้น พร้อม ๆ กับการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างมาก ทำให้ใครทำ…

Article | Digital Marketing