PANTONE’s Color Of The Year สำหรับปี 2020 นั่นคือ สีน้ำเงินเข้ม ที่ทาง Pantone บอกว่าเป็นสีน้ำเงินที่เข้มกว่าสีน้ำเงินแม่สีอยู่นิดเดียว
สีน้ำเงิน Classic Blue 19-4052 นี้เป็นสีที่คุณอาจจะพบได้เมื่อมองไปบนท้องฟ้าช่วงพลบค่ำหรือเช้ามืด ซึ่ง Pantone อธิบายว่า สีน้ำเงินนี้เป็นสีที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความสง่าและยั่งยืนในตัวของมันเอง
“เมื่อเรามองโลกรอบตัวของเรา จะพบว่าไม่มีอะไรที่หยุดนิ่ง ทุกอย่างล้วนไม่แน่นอน โซเชียลมีเดียที่ดึงความสนใจของเราไปทั้งหมด การเมืองทั่วโลกที่ไม่มั่นคง” กล่าวโดย Leatrice Eiseman ผู้ดำรงตำแหน่ง Executive Director ใน Pantone
“ในยุคที่เราไม่รู้ว่าจะเชื่อใจใครได้อีก สีน้ำเงินจึงเป็นสีที่เหมาะสำหรับทศวรรษใหม่ สีน้ำเงินเป็นสีที่หมายถึงความเงียบสงบ และน่าเชื่อถือ ให้ความรู้สึกที่สามารถพึ่งพาได้ ทำให้เรารู้สึกมั่นใจและกล้าที่จะเดินไปข้างหน้า”
“Just not knowing where to go and who to trust…[blue is] the feeling of calm and reassurance that help us have that confidence to move forward.”
Eiseman ยังบอกอีกว่า “เธอคิดว่าสีน้ำเงิน Classic Blue นี้ เป็นสีที่สามารถใส่ลงไปบนสินค้าหลายประเภท ตั้งแต่สินค้าแฟชั่น จนถึงสินค้าตกแต่งบ้าน เป็นสีที่เหมาะกับทุกเพศ และทุกฤดูกาล ซึ่งนั่นทำให้สี Classic Blue จะเป็นสีสำหรับยุคสมัยใหม่”
ทั้งนี้ Pantone ยังร่วมมือกับ FedEx, Adobe และแบรนด์เฟอร์นิเจอร์อย่าง The Inside เพื่อมาร่วมทำสินค้าที่มีสี Classic Blue นี้ด้วย
PANTONE x Adobe
ที่มา:
“UNDER” ร้านอาหารที่อยู่ใต้น้ำ
“UNDER” คือชื่อร้านอาหารที่กำลังก่อสร้างอยู่ในประเทศนอร์เวย์ ด้วยชื่อของมันก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นร้านอาหารที่อยู่ใต้น้ำ แต่โดยคอนเซ็ปที่ต้องการให้เป็นเหมือนสิ่งก่อสร้างที่เหมือนร่วงลงไปอยู่ใน น้ำครึ่งนึง ทำให้ร้านอาหารนี้ดูสะดุดตาไม่น้อย ชื่อ UNDER นอกจากจะหมายความว่าอยู่ใต้น้ำแล้ว ในภาษานอร์เวย์ชื่อนี้ยังสามารถแปลว่า “Wonder” ได้ด้วย ร้านอาหารนี้อยู่ในระหว่างก่อสร้าง เสร็จเมื่อไหร่…
5 องค์ประกอบของ Well-being at Work ที่องค์กรต้องรู้ก่อนจะเสียคนเก่งไป
หัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจปรับตัว ผ่าวิกฤตไปได้ นั่นก็ คือ พนักงานที่มีคุณภาพ การจะสร้างพนักงานที่มีคุณภาพ อาจจะทำได้หลายวิธี แต่การที่จะรักษาให้พนักงานที่มีคุณภาพ อยู่สร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับองค์กรต่อไป พนักงานต้องรู้สึกว่าองค์กรได้ดูแลพวกเขาด้วย
Brand Purpose บทเรียนจากภาพยนตร์ไทยที่มีผลต่อความเชื่อของผู้บริโภค
ในตอนนี้ประเทศในโลกของ Social นั้นมีกระแสหนึ่งเข้ามาวนเวียนอยู่เป็นระยะใน Timeline ของผมนั่นก็คือเรื่องภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่ง ที่นักแสดงนำของเรื่องนั้นได้ออกมาวิจารณ์เรื่องการเมืองก่อนทื่ภาพยนตร์จะเข้าฉาย และข้อความนั้นกระทบกับกลุ่มของประชาชนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของขั้วการเมืองนั้น ๆ เลยส่งผลให้ภาพยนตร์ดังกล่าวเมื่อเข้าฉายกลับกลายเป็นว่าทำรายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก นี่คือตัวอย่างอันดีของกรณีศึกษา…