คุณคิดว่า AI จะช่วยเหลือเราได้ไหม?
ปี 2023 นี้ Microsoft ได้ออกรายงานฉบับใหม่ของ Work Trend Index เพื่อให้ผู้นำ และธุรกิจพร้อมสำหรับยุคของ AI (A.I.-powered future) โดยได้ทำการสำรวจผู้คน 31,000 คนใน 31 ประเทศ
ทาง Satya Nadella ประธานและซีอีโอของ Microsoft กล่าวว่า “เครื่องมือ AI จะเข้ามาช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ มากมาย ทั้งการบรรเทาภาระทางดิจิทัลของพนักงาน (Digital debt), สร้างทักษะใหม่ ๆ ด้าน AI และช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับพนักงาน”
โดยเราขอสรุปไฮไลท์ของรายงานที่น่าสนใจไว้ ดังนี้
- ปัจจุบัน Digital debt ภาระทางดิจิทัลของพนักงาน อย่างการประชุม ตอบอีเมล การเคลียร์ทุกแจ้งเตือน ทำให้คนทำงานขาดความคิดสร้างสรรค์ และการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ
- เกือบ 2 ใน 3 ของผู้นำบอกว่าการขาดไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ในทีมของพวกเขาเป็นเรื่องน่ากังวล ในโลกที่ความคิดสร้างสรรค์คือผลผลิตใหม่ ที่จะช่วยสร้างโอกาสให้กับธุรกิจได้
- จากรายงานเพิ่มเติมในโปรดักส์ Microsoft 365 พบว่า พนักงานโดยเฉลี่ยใช้เวลา 57% ในการประชุม อีเมล และแชท กับอีก 43% ในการสร้างเอกสาร สเปรดชีต และพรีเซนเทชั่นต่าง ๆ
- พนักงานใช้เวลาในการตอบอีเมล 8.8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และใช้เวลา 7.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการประชุม
- ส่งผลให้พนักงานกว่า 68% รู้สึกขาดความต่อเนื่องในการโฟกัสงานของตัวเอง และจะเห็นได้ว่าคนทำงานใช้เวลากับการติดต่อสื่อสาร มากกว่าการใช้เวลาคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เสียอีก
- 89% ของพนักงานในประเทศไทย รู้สึกว่าพวกเขาไม่มีเวลา และพลังงานมากพอที่จะทำงานให้เสร็จ
- ‘การประชุมที่ไม่มีประสิทธิภาพ’ เป็นตัวขัดขวาง Productivity ในการทำงานอันดับหนึ่ง
- คนส่วนใหญ่ตื่นเต้นที่ AI จะเข้ามาช่วยงาน และช่วยตัวเองจากภาวะหมดไฟ มากกว่ากลัวที่จะถูกแย่งงาน
- 79% ของคนทำงานอยากใช้ AI ในการช่วยงานวิเคราะห์ / 73% ให้ช่วยเรื่องความคิดสร้างสรรค์ / 77% ใช้ในการวางแผนการทำงาน และ 80% ใช้ในการสรุปการประชุมและทำรีพอร์ทต่าง ๆ
- 66% ของพนักงานในประเทศไทยยังกังวลว่าจะถูก AI แทนที่ ขณะเดียวกันมีถึง 86% ที่โอเคกับการที่จะมี AI มาช่วยแบ่งเบาภาระงาน
- ผู้นำส่วนใหญ่เลือกที่จะ ‘เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน’ มากกว่า ‘ลดจำนวนพนักงาน’
- สิ่งที่ผู้นำคาดหวังกับ AI คือเรื่องของการช่วยเหลืองาน Routines ของพนักงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ, ช่วยเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพนักงาน, ช่วยลดเวลาในการทำงานที่ไม่ค่อยมีมูลค่าของพนักงานลง, เพิ่มขีดความสามารถของพนักงาน และเร่งความเร็วในการทำงานของพนักงานมากขึ้น
- ปี 2030 อนาคตการทำงานที่ทุกคนอยากเห็น คือการสร้างสรรค์งานคุณภาพสูง และการเรียนรู้ทักษะใหม่ได้เร็วขึ้น
- ทักษะในการทำงานร่วมกับ AI จะเป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกคนควรมี ไม่ได้จำกัดแค่คนสายไอที หรือคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เท่านั้น
- ทักษะที่จำเป็นได้แก่ Analytical judgment, Flexibility, Emotional intelligence, Creative evaluation, Intellectual curiosity, Bias detection and handling และ AI delegation (prompts)
- 82% ของผู้นำกล่าวว่าพนักงานของพวกเขาต้องมีทักษะใหม่ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตของ AI
- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ LinkedIn บอกว่าในประกาศรับสมัครงานของสหรัฐอเมริกาบน LinkedIn ที่กล่าวถึง GPT เพิ่มขึ้นถึง 79%
อนาคตผู้นำ เจ้าของธุรกิจ รวมไปถึงหัวหน้าจะต้องเตรียมความพร้อมเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้พนักงานหลุดจากการประชุมที่ไม่มีประสิทธิภาพ การทำงานซ้ำ ๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ต่อไป AI จะเข้ามาช่วยเหลือคนทำงานมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็สร้างวิถีการทำงานรูปแบบใหม่ พนักงานเองก็ต้องพร้อมพัฒนาทักษะตั้งแต่วันนี้ เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับ AI อย่างรับผิดชอบเช่นกัน
ที่มา