จะหลับตาลงไปได้อย่างไร เมื่องานยังไม่เสร็จ แถมเจ้านายกับเพื่อนๆ ก็จะหาว่าขี้เกียจอีกต่างหาก
เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเคยง่วงหาว อยากจะเอนนอนระหว่างการทำงานกันแน่ ๆ แต่จะหลับก็ไม่กล้าและต้องฝืนทนเพราะการงีบหลับในเวลาทำงานถือเป็นเรื่องต้องห้ามและถูกมองว่า “ขี้เกียจ” หลายครั้งเราเลยต้องพยายามหาสารพัดวิธีในการถ่างตาไม่ให้หลับ แม้จะง่วงแค่ไหนก็ตาม
อย่างไรก็ตาม วัฒนธรรมการทำงานในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนว่าการงีบหลับระหว่างวันดีต่อทั้งทางร่างกายและจิตใจ เหมือนเป็นการรีเซ็ตร่างกายให้สดชื่นอีกครั้ง ด้วย “Power Nap” หรือการงีบหลับประมาณ 10-20 นาทีต่อวัน
Power Nap จะช่วยให้คุณกลับมามีสมาธิ จัดการอารมณ์ให้สมดุลขึ้น ลดความเครียด ส่งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้สมองยังจัดเก็บความทรงจำและผลิตความคิดสร้างสรรค์ได้ดีขึ้น ทั้งหมดนี้ยังถือเป็นการช่วยลดอาการ Burn Out ที่กำลังเพิ่มขึ้นในพนักงานในยุคปัจจุบันนี้ด้วย
การงีบหลับระหว่างวันไม่จำกัดเฉพาะผู้ที่นอนไม่พอเท่านั้น ทุกคนต่างควรจะจัดสรรเวลา “งีบ” บ้าง ขนาดอัจฉริยะของโลกหลายคนอย่าง Leonardo da Vinci, Benjamin Franklin, Albert Einstein หรือแม้แต่ Thomas Edison ก็ยังนิยมการงีบกลางวัน
ปัจจุบันนี้ องค์กรยุคใหม่อย่าง Nike, Procter & Gamble, Facebook, Ben & Jerry’s หรือ Google ต่างก็สร้างห้องหรือพื้นที่ให้พนักงานได้งีบพัก เพราะองค์กรเหล่านี้เชื่อว่าการได้พักสมองและร่างกายแม้เพียงช่วงสั้นๆ ดีต่อประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่าการฝืนข่มตาไม่ให้หลับ แต่สมองไม่พร้อมทำงานแล้ว
แล้วองค์กรของคุณล่ะ พร้อมให้พนักงานงีบหลับเพื่อการทำงานที่ดีขึ้นแล้วหรือยัง
ที่มาของข้อมูล
รู้จัก 3 ขั้นตอนสำคัญ หากอยากร่วมงานกับสินค้าลิขสิทธิ์
ขึ้นชื่อว่าเรื่อง “ลิขสิทธิ์” น่าจะเป็นเรื่องที่ใครหลายคนเคยเกิดข้อสงสัยว่า มันสำคัญและมีขั้นตอนกระบวนการทำงานอย่างไร และเราต้องทำอย่างไรเพื่อให้ได้มีโอกาสร่วมงานกับแบรนด์ที่มีลิขสิทธิ์ ทาง CREATIVE TALK ได้ไปหาคำตอบในเรื่องนี้มาให้ทุกคนเรียบร้อยแล้ว แถมคนที่เราไปถามก็เป็นคนที่เชี่ยวชาญและมีผลงานการร่วมงานกับสินค้าลิขสิทธิ์มาแล้วหลายครั้ง
ทำไมการเป็นโสดจึงยกระดับชีวิตคนเราได้?
จริงไหมที่ ‘ความโสด’ ดีกับชีวิตคนเรามากกว่า? แล้วการเรียนรู้ที่จะสบายใจกับความโสดยังถือเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีกว่าด้วย
การตลาดที่ทำให้เราซื้อของไม่หยุด
ของที่คุณซื้อชิ้นล่าสุดคืออะไร เป็นของ “จำเป็น” หรือไม่ และคุณตกเป็นทาสทางการตลาดหรือเปล่า