Trending News

Subscribe Now

6 เทคนิคลดความเครียดช่วยเพิ่มโฟกัสมากขึ้น จากโค้ชของผู้บริหาร Google

6 เทคนิคลดความเครียดช่วยเพิ่มโฟกัสมากขึ้น จากโค้ชของผู้บริหาร Google

Article | Living

ความเครียด และความฟุ้งซ่านมักเป็นปัญหาที่ทำให้เราโฟกัสกับงานไม่ได้  แต่เอาเข้าจริงหลายครั้งปัญหาเหล่านี้ก็แก้ได้ง่าย ๆ เพียงแค่เปลี่ยนวิธีคิด และสร้างนิสัยของตัวเองใหม่

AK Ikwuakor โค้ชของเหล่าผู้บริหาร Google และโค้ชที่เคยได้เข้าไปสอนผู้บริหารขององค์กรชั้นนำมากมาย ได้แชร์การปรับนิสัยด้วย 6 เทคนิคที่จะช่วยลดความเครียด และเพิ่มสมาธิในการทำงานให้เราได้มากขึ้น (ซึ่งแต่ละวิธีก็เริ่มต้นจากการปรับนิสัยเล็ก ๆ เท่านั้นเอง)

สร้างความมั่นใจด้วยการย้ำเตือนตัวเอง

ในการทำงานโดยเฉพาะในองค์กรชั้นนำ จะมีความกดดันบางอย่าง ที่สร้างความสงสัยในตัวเอง ว่าฉันดีพอแล้วเหรอ ฉันเก่งเท่าคนอื่นหรือเปล่า หรือที่เราอาจจะรู้จักในภาวะที่เรียกว่า Imposter Syndrome ซึ่ง Ikwuakor ได้แนะนำว่าวิธี ‘I know’ หรือการย้ำตัวเองว่าเรารู้อะไร เราเก่งในอะไรเพื่อเพิ่มความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น

ลดความตื่นเต้นด้วยการหาส่วนร่วม

Ikwuakor เล่าว่า เขาได้คุยกับฝ่ายขายคนหนึ่ง ที่กำลังรู้สึกกังวลมากที่จะต้องคุยกับผู้บริหาระดับสูงที่ไม่เคยเจอมาก่อน ทางแก้ของเรื่องนี้ Ikwuakor บอกว่าให้หาจุดร่วมของตัวเองกับผู้บริหารคนนั้น หาจุดร่วมที่เหมือนกัน อาทิ คนนี้อยู่ประเทศเดียวกัน มีลูกอายุไล่เลี่ยกัน ชอบเรื่องการตลาดเหมือนกัน สุดท้ายเมื่อได้คุยกันกลายเป็นว่าเขาไม่ได้คุยกับ ‘ผู้บริหารระดับสูง’ แต่คุยกับเพื่อนชาติเดียวกัน ที่มีอะไรคล้าย ๆ กันแทน ซึ่งการหาจุดร่วมตรงนี้ก็จะช่วยให้เราอึดอัด และประหม่าน้อยลง

แยกให้ออกว่าตัวเองวิตกกังวลหรือตื่นเต้นอยู่

ความวิตกกังวลและความตื่นเต้น เป็นสิ่งที่ให้ความรู้สึกคล้ายกัน แต่รูปแบบความคิดที่มันกระตุ้นสมองเรานั้น แตกต่างกัน ถ้าเราวิตกเราคิดอะไรแย่ ๆ แต่ถ้าเราตื่นเต้นเราจะคิดอะไรในเชิงบวกมากขึ้น ดังนั้นการเข้าใจความแตกต่างระหว่าง 2 อาการนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ และถ้ากลัวว่าความวิตกกังวลจะกัดกินความรู้สึกเรา ลองลิสต์สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกมาอย่างน้อย 5 เรื่อง เพื่อเอาไว้จัดการความรู้สึกของตัวเราเอง

โฟกัสไปที่ ‘ใคร’ ที่คุณต้องการจะเป็น

เวลาเราตั้งเป้าหมายเรามักจะโฟกัสไปที่สิ่งที่ต้องการ และเหตุผลที่ต้องการสิ่งนั้น แต่จริง ๆ แล้ว W ที่เราควรให้ความสำคัญที่สุดคือ ‘Who’ ที่เราอยากจะเป็น เพื่อทำ ‘What’ หรืออะไรบางอย่างให่สำเร็จ สมมุติว่าเราอยากได้เงินเดือนมากขึ้น หรืออยากเลื่อนตำแหน่ง แทนที่จะโฟกัสว่าทำยังไงถึงจะเลื่อนตำแหน่งได้ ให้เปลี่ยนมาถามตัวเองว่า ‘เราต้องเป็นแบบใคร ถึงจะถูกโปรโมทตำแหน่ง’ ตัวอย่างเช่น ลองดูลีดเดอร์ในองค์กรว่าแต่ละวันเขาทำอะไร และจากนั้นก็ให้เราทำอย่างเขา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมเราให้ดีขึ้นได้

ตัดสิ่งรบกวนออกไปให้หมด

การขจัดสิ่งรบกวนออกไปนั้น สำคัญไม่แพ้การโฟกัสกับงานเลย ซึ่งเราสามารถจัดการได้ตั้งแต่ ปิดแจ้งเตือนโทรศัพท์ หรือจำกัดคนที่ดึงความสนใจของเราไปจากงาน การขจัดสิ่งรบกวนในชีวิตจะช่วยให้เราโฟกัสอยู่กับปัจจุบัน และมีสมาธิกับงานได้มากขึ้น

วางกรอบชีวิตเพื่อพิชิต ‘เวลา’

ท้ายที่สุดมนุษย์ก็ควรให้เวลากับตัวเอง หลายครั้งคนมากมายมักจะมีตารางงานที่เต็มไปด้วยการประชุมจนหมดวัน ลองลดระยะเวลาการประชุมให้สั้นลงไหม เพราะเราจะสามารถทบทวนประเด็นที่อยู่ในสมองได้ นอกจากนั้นเมื่อเวลาประชุมสั้นลง ก็จะช่วยให้เรามีเวลาใช้ชีวิตมากขึ้นด้วย

การนำนิสัยเล็ก ๆ เหล่านี้มาผสมเข้ากับกิจวัตรประจำวัน จะสามารถช่วยลดความเครียด เพิ่มสมาธิ และสร้างความสมดุลระหว่างงานกับสุขภาพที่ดีได้ แม้วิธีเหล่านี้จะเป็นการสร้างนิสัยที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็จงจำไว้ว่า การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน


ดังนั้น หลังจากอ่านบทความนี้จบ ลองนำนิสัยเหล่านี้มาใช้กับตัวเราดูสิ เพราะมันอาจส่งผลกับชีวิตเราอย่างคาดไม่ถึงก็ได้

Related Articles

เทคนิคโน้มน้าวใจคน สกิลสำคัญของคนประสบความสำเร็จ

“การโน้มน้าวใจคน” คือสกิลสำคัญของผู้นำต้องมี ซึ่งเราทุกคนเป็น Leader of Something เราทุกคนล้วนเป็นผู้นำของบางสิ่ง บางอย่าง ความสามารถในการโน้มน้าวในคน จะช่วยให้เราทำงานจากหนึ่งอย่างได้เป็นสิบ…

Article

ย้อนดู Consumer Behavior Trend 2018 เทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภค Part 2

บทความนี้ต่อจากเรื่อง Consumer Behavior Trend 2018 เทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภค part ที่แล้ว ในยุคที่ดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิต เช่น…

Creative Wisdom | Digital Marketing | Podcast

6 Digital Marketing Trends 2023

บทความนี้น่าจะช่วยให้นักการตลาดผู้ดูแลแบรนด์ทุกขนาดสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงหรือจุดประเด็นไอเดียเพื่อนำไปวางแผนสำหรับปี 2023 นี้กันต่อไป

Article | Digital Marketing