Trending News

Subscribe Now

ประตูมนุษย์

ประตูมนุษย์

Article | Entrepreneur

ประตูหมุนที่เคยใช้แล้ว แต่ต้องยกเลิกใช้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ กลับเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องเดินผ่านทุกวันในนิวยอร์ก

 

การสังเกตคนเดินอย่างรวดเร็วผ่านประตูหมุนบอกอะไรเราได้บ้าง?
บอกได้.. การเดินของคนบอกได้แม้กระทั่งแนวโน้ม “เศรษฐกิจประเทศ”

 

ย้อนกลับไปประมาณช่วงปี 1999 ก่อนที่ตึก World Trade Center จะถล่ม ผมอาศัยอยู่ในย่านแบตเตอรี่ พาร์ค สวนสาธารณะขนาดเล็กที่อยู่ริมแม่น้ำฮัดสัน ในมหานครนิวยอร์ก ทุกเช้าที่ลืมตาตื่นขึ้นมาจะพบกับเทพีเสรีภาพที่ยืนอยู่กลางน้ำไกลออกไป แต่ก็ไม่ไกลเกินกว่าสายตาจะมองเห็นในวันที่อากาศดี แม้ว่าวิวจะดี แต่ในสัปดาห์หนึ่งจะมีโอกาสมองเห็นเทพีฯ เพียงไม่กี่ครั้ง เพราะทุกเช้า ผมต้องรีบลุกขึ้นแปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว และรีบออกจากบ้านเพื่อไปทำงานให้ทันทุกวันจันทร์ ถึง ศุกร์ เส้นทางการเดินไปทำงานต้องผ่านตึก Financial Center ก่อนที่จะเชื่อมต่อไปยังตึก World Trade Center ที่ขึ้นชื่อ แน่นนอนว่าไม่ได้มีเพียงแค่ผมคนเดียว แต่มีคนอีกไม่ต่ำกว่า 1,000 คนที่ต้องเดินเท้าเหมือนกันและใช้เส้นทางนี้

 

ทุกคนรีบเร่ง ไม่เฉื่อย และคำว่าเร่ง ไม่ใช่เร่งธรรมดา แต่เร่งมาก ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ซอยเท้ายิก ๆ เพื่อก้าวให้ทันก้าวใหญ่ ๆ
ของคนอเมริกัน เชื่อเถอะถ้าคุณได้มาเดินที่นี่ในช่วงเช้า คุณก็ต้องเร่งฝีเท้าเช่นกัน ไม่ใช่เพราะเราขยันหรืออะไรหรอกนะ แต่ถ้าคุณเดินช้า คุณมีโอกาสที่จะโดนคนอื่นแซงและชนได้

 

ประหนึ่งคุณเป็นปลาว่ายอยู่ในลำธารเชี่ยวกราก ถ้าคุณไม่ว่ายตามน้ำ คุณก็จะโดนน้ำผลักคุณอยู่ตลอดเวลา ความน่าสนใจของการเดินเท้าด้วยความเร็วของคนนับพันในเส้นทางเข้าเมืองเดียวกันคือช่วงที่ต้องเดินผ่าน “ประตูหมุน”

 

ประตูหมุนแบบที่เราเคยเห็นในสุวรรณภูมิ ประตูที่ออกแบบมาเพื่อกันอากาศหนาวข้างนอกไหลเข้าสู่ด้านใน ในประเทศไทย เราสามารถเห็นประตูหมุนแบบนี้ได้ที่สนามบิน และโรงพยาบาลชื่อดัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบบ auto หรือหมุนเองช้า ๆ เมื่อคุณเข้าใกล้ แต่ที่นิวยอร์ก ทุกอย่างเป็นระบบ manual คือผลักเอง ดันเอง หมุนเอง แล้วเกิดอะไรขึ้น? ด้วยจำนวนคนมหาศาล บวกกับความเร็วในการเดินในชั่วโมงเร่งรีบ ประตูหมุนที่ว่า มันหมุนเร็วมากประหนึ่งเครื่องจักร เรียกได้ว่า ถ้าเป็นมือใหม่ คุณต้องเล็งให้ดีก่อนจะวิ่งผ่านเข้าไปในประตูนั่น ผิดพลาดพลั้งอาจจะมีบาดเจ็บได้ ด้วยความที่ทางเดินนี้ใหญ่ เจ้าประตูหมุนที่ว่าจึงมีจำนวนมาก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 6 บานเห็นจะได้ ประตูหมุน 6 บานที่เรียงกันเป็นหน้ากระดาน หมุนอย่างรวดเร็วเพราะคลื่นมนุษย์จำนวนมาก

 

ผมเดินผ่านมันทุกครั้งจนชำนาญ และทุกครั้งที่เดินผ่าน ผมชอบคิดว่า “จะดีไหม ถ้ามีคนมาติดเครื่องปั่นไฟไว้ตรงนี้
ประตูมนุษย์นี้น่าจะปั่นไฟใช้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว”

 

การได้เห็นประตูมนุษย์แบบนี้ ทำให้ผมเริ่มสังเกตพฤติกรรมการ “เดินเร็ว” ของคน ไม่เพียงแต่ในนิวยอร์ก แต่อีกหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ผมสังเกตการเดินเร็วของคนตามเมืองใหญ่ เช่น โตเกียว สิงคโปร์ ฮ่องกง ลอนดอน หรือแม้แต่กรุงเทพเอง พบว่า.. ประเทศที่วุ่นวายเร่งรีบ ผู้คน active จะมีอัตราการเดินที่เร็ว แล้วประเทศไหนเร็วกว่ากัน? ถ้าวัดเอาจากสายตา คงจะวัดได้ยาก ผมจึงลองไป research ดูว่ามีคนอยากจะรู้ความเร็วในการเดินของคนแต่ละประเทศกันบ้างไหม? แล้วก็มีครับ

 

ผมค้นพบว่าศาสตราจารย์ Richard Wiseman เค้าได้ทำการวิจัยร่วมกับสถานบัน British Council เมื่อปี 2006 เพื่อวัดความเร็วในการเดินของมนุษย์ใน 31 เมืองทั่วโลกภายใต้โครงการที่ชื่อว่า “Pece of Life Project” การวิจัยเริ่มด้วยการวัดความเร็วในการเดินของคนในแต่ละเมือง แบ่งออกเป็นชาย 45 คน และ หญิง 45 คน โดยวัดระยะทางในการเดินประมาณ 60 ฟุต ในวันที่อากาศปกติ และแน่นอน การวัดความเร็วต้องทำโดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว จากผลลัพธ์ที่ได้รับ นักวิจัยได้ค้นพบสิ่งที่น่าสนใจมากกว่า “ใครเดินเร็วกว่ากัน” นั่นคือ มนุษย์เดินเร็วขึ้นกว่าที่เคยวัดไว้เมื่อต้นปี 1990s สูงขึ้นเฉลี่ย 10% โดยเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลง หรือเดินเร็วขึ้นกว่าเดิมมากส่วนใหญ่อยู่ในเอเซีย เช่น เมืองกวางเจา เดินเร็วขึ้น 20% ส่วนสิงคโปร์เดินเร็วขึ้นถึง 30% !!

 

ส่วนอันดับการเดินเร็วน่ะหรอ? จาก 31 ประเทศ พบว่าประเทศที่ได้ระดับการเดินเร็วที่สุด อันดับ 1 คือ สิงคโปร์ เดินเร็ว 10.55 วินาที ต่อระยะทาง 60ฟุต หรือประมาณ 6.15 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง !!!!!! รองลงมาคือ โคเปนเฮเกน, มาดริด, กวางเจา, ดับบลิน ส่วนนิวยอร์กอยู่อันดับที่ 8 ลอนดอน อันดับที่ 12 และโตเกียวอยู่อันดับที่ 19
ส่วนกรุงเทพฯ นั่นหรอ? เค้าไม่ได้มาสำรวจครับ

 

แต่ส่วนตัวเชื่อว่า คนเมืองกรุงเทพอย่างเรา ไม่ได้เดินเร็วซักเท่าไหร่นัก การศึกษาเรื่องการเดินเร็วยังถูกวัดเทียบกับเรื่องเศรษฐกิจประเทศ ขนาดของเมือง ว่ามีความสัมพันธ์กันด้วยหรือไม่? และจากการศึกษาก็ค้นพบว่ามี! ไม่น่าเชื่อนะครับว่า แค่การเดินเร็วของมนุษย์ในแต่ละเมือง ก็สามารถบอกอะไรกับเราได้ไม่น้อยเลย

Related Articles

เทรนด์ Customer Insight ครึ่งปีหลัง จะเป็นอย่างไร?

รู้หรือไม่? บริษัทที่จะ Most Powerful มากที่สุด คือบริษัทที่มี ‘Data’ มากที่สุด
ต่อไปยุคของธุรกิจที่ต้องการจะเข้าใจ รู้ใจลูกค้า ต้องมี ‘Data’ ในมือมากยิ่งขึ้น…วันนี้ CREATIVE TALK จะมาสรุปเทรนด์ Customer Insight ครึ่งปีหลัง และการหา Customer Insight หลังจากนี้โดยคุณต่อ-ณัฐกรณ์ รัตนชัยสิทธิ์ CEO of Predictive

Article | Business

เขียนเนื้อหาอย่างไรให้อ่านจบและแชร์ – ตอนที่ 3/3 ของเทคนิคเขียน Contents ให้น่าสนใจ

บทความนี้ก็เป็นตอนสุดท้ายสำหรับเรื่องของเทคนิคการเขียน Contents ให้น่าสนใจ จาก 2 part ก่อน ที่พูดถึง เทคนิคเขียน Contents…

Digital Marketing | Morning Call | Podcast